คำถามที่พบบ่อย

1. ที่มาของรังนก
คุณค่าของรังนกที่เราเข้าใจในทุกวันนี้ มาจากความเชื่อและได้รับการพิสูจน์ผ่านการทดลองใช้มากว่าหลายพันปี ในวงการแพทย์ดั้งเดิมของจีน ย้อนกลับไปเมื่อสมัยราชวงศ์ถังในค.ศ. 618-907 ครั้งหนึ่งจักรพรรดิ์ได้สั่งให้นายพลเจน หัว ออกเดินทางด้วยเรือสำเภาไปค้นหาแผ่นดินและอาหารใหม่ๆ ซึ่งเมื่อนายพลเจน หัวได้เดินทางไกลไปจนถึงเกาะแห่งหนึ่ง ทางเอเชียใต้ เขาก็ได้พบกับอาหารที่มีสรรพคุณพิเศษ ซึ่งถูกเก็บเกี่ยวโดยชาวบ้านบนเกาะแห่งนั้น เขาจึงนำอาหารพิเศษ ที่เกิดจากน้ำลายนกอีแอ่นขนขึ้นเรือเป็นจำนวนมาก แล้วจึงออกเดินเรือไปยังท้องทะเลกว้าง กระทั่งเขากลับมายังบ้าน เกิดที่ประเทศจีน ผู้คนก็ต่างประหลาดใจที่เห็นเขาและลูกเรือกลับมาจากการเดินทางไกล มีสุขภาพแข็งแรง มีชีวิตชีวา ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ตั้งแต่นั้นมารังนกอีแอ่นจึงได้ขนานนามว่าเป็นอาหารมีค่าหายากสำหรับจักรพรรดิ ซึ่งในเวลาต่อมาการแพทย์จีนได้ศึกษา และยืนยันถึงสรรพคุณอันทรงคุณค่าที่เป็นประโยชน์โดยตรงต่อสุขภาพ ทำให้ดูอ่อนเยาว์ และได้รับการบันทึก ถึงประสิทธิภาพที่แท้จริงนั้นเรื่อยมา

ในทุกวันนี้ ชาวจีนหลายคนสามารถซื้อหารังนกมารับประทานเองได้ พวกเขาพอใจในประโยชน์ที่ได้รับสำหรับ ตัวเองและคนรอบข้าง รังนกจึงถือเป็นอาหารที่ผู้หญิงตั้งครรภ์ ผู้หญิงที่มีบุตร ตลอดจนคนป่วยและผู้ที่ได้รับการผ่าตัด ‘ต้องรับประทาน’ อย่างยิ่ง ด้วยวิทยาการสมัยใหม่ รังนกยังคงได้รับการทดลองและพิสูจน์ถึงประโยชน์อย่างต่อเนื่อง ยืนยันโดยผลการวิจัยกว่าร้อยรายการของนักวิทยาศาสตร์ในหลากหลายประเทศ จึงถือเป็นคำอธิบายที่มีน้ำหนักและ น่าเชื่อถือถึงตำนานเล่าขานเกี่ยวกับรังนก เพื่อถ่ายทอดไปสู่คนรุ่นหลัง.
2. รังนกคืออะไร?
รังนก มาจากน้ำลายของนกอีแอ่น ซึ่งเกิดขึ้นในขนาดที่มันสร้างรัง น้ำลายนกที่หน้าที่คล้ายกาว เชื่อมแผงบางๆ ในรัง เมื่อน้ำลายนกสัมผัสกับอากาศ จะทำให้เกิดการแข็งตัวและจับตัวกันจนเป็นรูปทรงรังนกที่มีลักษณะคล้ายถ้วย โดยหนึ่งรังใช้เวลาในการสร้างประมาณ 20-30 วัน

น้ำลายนกจะมีลักษณะเปียกชื่น เหมือนของเหลวในขณะที่มันหลั่ง และจะแข็งตัวจนอยู่ในรูปทรงคล้ายเกลียวเชือก น้ำลายนกถูกเรียกว่าเป็นเสมือนตัวเชื่อมที่โอบอุ้มทั้งรังเข้าด้วยกัน ซึ่งเกลียวเชือกหลายๆ จำนวนก็ทำหน้าที่เหมือนใยสังเคราะห์ภายใน รองรับอยู่ทั่วรัง เชือกนี้ต้องถูกสร้างโดยไม่ให้มีเห็นช่องว่าง เพื่อปกป้องลูกนก ภายในเกลียวเชือกนี้จะมีสารเจือปน หรือชิ้นส่วนที่จำเป็นต้องเอาออกก่อนได้รับการบริโภค ซึ่งอาจเป็นเศษไม้ โคลน หรือเศษขนของนก ตลอดจนเศษเปลือกไข่

รังนกอีแอ่นถูกสร้างเพื่อเป็นพื้นที่สำหรับวางไข่และเป็นที่อยู่ของลูกนกอีแอ่น ซึ่งหลังจากที่ถูกฝังจนออกเป้นตัวแล้ว ลูกนกจะยังคงอาศัยอยู่ในรังจนเติบโต กระทั่วสามารถบินจากรังไปสู่โลกภายนอกได้ด้วยตัวเอง จากนั้นรังนกจึงกลายเป็นส่วนที่ถูกทิ้งร้าง ไม่สามารถนำไปใช้ซ้ำได้ และหากไม่ถูกเก็บไป รังเหลานี้ก็จะกลายเป็นอาหารของสัตว์อื่น เช่น มด สัตว์เลื้อยคลาน แมลง

3. เรียนรู้นกผู้เป็นเจ้าของรัง
นกที่สร้างรังด้วยน้ำลายมีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์ว่า ‘คอลโลคาเลีย’ ซึ่งแบ่งได้เป็น 2 ประเภทตามแหล่งกำเนิด คือ รังนกถ่ำ และ รังนกบ้าน ทั้งสองประเภทมีโครงสร้างโมเลกุลตามหลักวิทยาศาสตร์เหมือนกัน แต่ต่างกันตรงรูปทรง สี ความเปียกชื้น และน้ำ ตามสภาพแวดล้อมของแหล่งกำเนิด ทั้งนี้ทั้งนั้นโครงสร้างตามหลักวิทยาศาสตร์เหมือนกันทุกประการ

คอลโลคาเลีย จะเริ่มเตรียมสร้างรังด้วยน้ำลายเพื่อวางไข่ เมื่อมันเริ่มมีการสืบพันธุ์ นับเป็น 3 ครั้งต่อปี หลังจากนั้นประมาณ 90 วัน ลูกนกและแม่นกจะบินจากไป คอลโลคาเลียมีพฤติกรรมการนอนเหมือนค้างคาว คือใช้เท้าเกี่ยวสิ่งที่สามารถยึดเกาะได้ ซึ่งรังมีไว้เพียงวางไข่ และเป็นที่เลี้ยงลูกอ่อนก่อนที่พวกมันจะสามารถบินได้ คอลโลคาเลีย ‘ไม่ต้องการรังเพื่อเป็นที่อยู่อาศัย’ และเมื่อพวกมันจับคู่สืบพันธุ์อีกครั้ง พวกมันก็จะสร้างรังขึ้นใหม่ ตามธรรมชาติพวกมันจะไม่ใช้รังเก่า (รังเดิม) เพื่อฟักเลี้ยงไข่ โดยรังแต่ละรังจะใช้เวลาสร้างราว 20 วัน ซึ่งรังนกที่เราได้นำมาใช้เพื่อการบริโภคต่อนั้น คือรังที่ถูกทิ้งร้างแล้ว
4. รังนกแบ่งได้กี่ประเภท?
รังนกสามารถแบ่งประเภทได้คือ รังนกถ้ำ, รังนกบ้าน และรังนกหญ้า หรือสามารถแยกเป็นกลุ่มคือ รังนกขาว และรังนกสีแดง

รังนกถ้ำ: รังนกถ้ำ คือ รังที่ถูกสร้างในถ้ำหรือหน้าผา ตามความชื้นของสภาพแวดล้อมและอากาศ รังประเภทนี้จะมีลักษณ์แข็ง กระด้าง และมีสีที่เห็นได้ชัด ซึ่งแตกต่างจากรังนกบ้าน รังเหล่านี้จะมีสารเจือปนมาก แข็งกรอบ ลักษณะไม่อวบอิ่ม เนื่องจากมักถูกพบก่อนที่เกิดการพองตัวตามธรรมชาติ จึงทำให้รังนกถ้ำมีขนาดเล็กและมีผิวแข็ง

รังนกบ้าน: รังนกบ้าน คือ รังที่ถูกสร้างใต้หลังคาไม้ในบ้าน ซึ่งมีความชื้นและมืด อุณหภูมิภายในอยู่ที่ 28-30 องศาเซลเซียล โดยสภาพแวดล้อมนี้จะสัมพันธ์ตามแสงสว่างและความชื้น (90%) คล้ายรังนกที่ถูกสร้างในถ้ำตามธรรมชาติ แต่จะมีสารเจือปนน้อยกว่า และได้ให้ผิวสัมผัสอ่อนนุ่มกว่า หลังจากผ่านขบวนการเพื่อนำมาบริโภค

ลักษณะภายนอก: รังนกที่ดีและมีประสิทธิภาพจะประกอบด้วย เส้นใย 2 ชนิด เส้นใยชั้นนอก จะมีขนาดยาวและหนากว่าเส้นใยชั้นใน ที่จะบางกว่าและสั้นกว่า

หลังจากการปรุง: หลังจากการต้ม 2 ครั้ง เป็นเวลา 1-2 ชั่วโมง เส้นใยชั้นในจะกลายเป็นสารละลาย ส่วนเส้นใยชั้นนอกที่ประกอบไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ จะถูกละลายน้อยกว่า แต่ยังคงให้รสสัมผัสและรูปลักษณ์ภายนอกของเส้นใย

กลิ่น: ในขณะที่ต้มทั้ง 2 ครั้ง เราจะได้กลิ่นที่ใกล้เคียงกับกลิ่นโปรตีน เทียบได้กับกลิ่นอ่อนๆ ของการปรุงไข่ขาว

5. ทำไมรังนกจึงมีสีต่างกัน?
รังนกประกอบด้วยแร่ธาตุ เช่น ทองแดง, ธาตุเหล็ก, ซิงค์, แมนกาเนส, โพรแทสเซียม และ โซเดียม ดังนั้นรังนกที่มีสีจัด จึงไม่เหมาะสมสำหรับนำมาบริโภค รังนกทั้งจากถ้ำและจากบ้านโดยทั่วไปมีสีขาว แต่รังนกถ้ำยังมีรังนกสีแดง ที่มีสีแดงจากการดูดซึมแร่จากผนังถ้ำบางแห่ง ในธรรมชาติรังนกแดงมีน้อยและหายาก

6. รังนกบ้านดีกว่ารังนกถ้ำ? จริงหรือไม่?
รังนกถ้ำส่วนมากถูกเก็บมาจากถ้ำตามธรรมชาติในแถบตอนใต้ของประเทศไทย ซึ่งการใช้ประโยชน์ของเกาะแก่งต้องมีการทำสัมปทานกับรัฐ และการเก็บตามสภาพภูมิประเทศตามการเป็นอยู่ของนกอีแอ่น ซึ่งจะลำบากกว่ารังนกบ้าน บ่อยครั้งที่ผู้เก็บต้องเสี่ยงอันตรายเพื่อให้ได้มา ทำให้มีต้นทุนสูง บางคนเข้าใจว่ารังนกถ้ำมีคุณค่ามากกว่ารังนกบ้านจากการดูดซึมของแร่ธาตุภายในผนังถ้ำ ดังนั้นรังนกถ้ำจึงมีราคาสูงมากกว่าเมื่อเทียบกับรังนกบ้าน อย่างไรก็ตาม คำกล่าวดังกล่าวเป็นความเข้าใจของผู้บริโภคหลายคนในท้องตลาด แท้จริงรังนกถ้ำอาจมีด้วยวัสดุ และเศษขน มากกว่ารังนกบ้าน หรือที่เรียกว่ารังดำด้วยซ้ำ ซึ่งรังนกดำนี้นี้ไม่สามารถล้างด้วยวิธีธรรมชาติได

การเลือกรังนกจึงควรเป็นเลือกรังนกธรรมชาติสีธรรมชาติที่สะอาด ไม่ว่าจะเป็นรังนกถ้ำหรือรังนกบ้าน จากการทดลองตรวจสอบรังนกถ้ำโดยกรมวิทยาศาสตร์บริการเมื่อปี 2547 และรังนกบ้านเมื่อปี 2554 พบว่าส่วนที่แตกต่างจะเป็นแร่ธาตุได้แก่ เหล็ก และ ทองแดงที่รังนกถ้ำมีมากกว่ารังนกบ้านเนื่องจากปัจจัยของสภาพแวดล้อมโดยรอบ นอกนั้นแร่ธาตุที่สำคัญอื่นๆซึ่งได้แก่ แคลเซียม แมกนีเซียม โปตัสเซียมและโซเดียม รังนกทั้งบ้านและถ้ำ ก็มีใกล้เคียงกัน
7. ข้อแตกต่างของการเก็บรังนกบ้าน และ รังนกถ้ำ
สายพันธุ์ของนกมีชื่อเรียกทางวิทยาศาสตร์เหมือนกันคือ ‘คอลโลคาเลีย’ ทำให้รังนกบ้านและรังนกถ้ำมีโครงสร้างทางโมเลกุลเหมือนกัน มีประโยชน์ทางชีววิทยาเหมือนกัน ต่างกันเพียงรังนกถ้ำนั้น จะผสมแร่ธาตุที่ได้จากหินถ้ำมากกว่า ซึ่งจากการวิจัยทางวิทยาศาสตร์พบว่า ความแตกต่างคือ รังนกถ้ำประกอบด้วยแร่ธาตุเหล็ก ทองแดง มากกว่ารังนกบ้านเท่านั้น

รังนกถ้ำมีราคาแพงกว่ารังนกบ้าน เนื่องจากราคาค่าเก็บเกี่ยวและค่าสัมปทานการใช้เกาะ ในสมัยก่อน ยังไม่มี ‘บ้าน’ เพื่อให้นกได้อาศัย ผู้คนจึงสามารถพบรังนกได้ที่ถ้ำเท่านั้น หลายร้อยปีก่อน คอลโลคาเลีย เริ่มต้องเข้ามาหาอาหารในแผ่นดินใหญ่และเริ่มต้นพบ “บ้าน” ที่ปลอดภัย ปราศจากภัยทั้งจากดินฟ้าอากาศ จากสัตว์ร้ายต่างๆ เมื่อนกได้รับการคุ้มครอง จากการที่คนได้สร้าง ‘บ้าน’ ให้พวกมัน เพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัย และพัฒนาจนมีสภาพแวดล้อมเสมือน ‘บ้าน’ พักอาศัยจริงตามธรรมชาติ นกอีแอ่นจึงมาอยู่ในบ้านมากขึ้น บ้านพักนกจะถูกสร้างในอยู่ระดับเพดานต่ำกว่า เพื่อง่ายต่อการเก็บเกี่ยว ในขณะที่รังนกถ้ำจะเข้าถึงยากกว่า เนื่องจากความสูงและโครงสร้างตามธรรมชาติของถ้ำ ทำให้การเก็ยเกี่ยวมีต้นทุนสูงและยากลำบากกว่า

การที่รังนกบ้านไม่อยู่ในที่สูง จึงสามารถเข้าถึงรังได้ง่าย สามารถตรวจเช็คก่อนเก็บได้หากแม่นกและลูกนกยังไม่ทิ้งรัง การเก็บรังนกเฉพาะเมื่อถูกทิ้งร้างเท่านั้น โดยไม่มีการเก็บก่อนเวลา ทำให้สามารถฟูมฟักแม่นกและลูกนกได้ดี ให้รู้สึกปลอดภัยที่จะมาอาศัยอยู่ และอยากกลับมาสร้างรังในที่เดิม ดังนั้นรังนกบ้านแต่ละรังจะถูกตรวจสอบก่อนที่จะมีการเก็บ จึงไม่เป็นอันตรายต่อนกหรือลูกนก

8. สารประกอบในน้ำลายนกคืออะไร? ไกลโคโปรตีน
คอลโลคาเลีย กินแมลงและสัตว์เล็กจากปาบนเขา ใกล้ๆ กับต้นไม้เขตร้อนชื้น บริเวณชายทะเล จากการศึกษาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ และการทำวิจัยในห้องแล็บเรื่อยมา ทำให้ค้นพบว่า สารอาหารที่ประกอบอยู่ในรังนก ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต, โปรตีน, แร่ธาตุ ก็มีในอาหารประเภทอื่น แต่ความแตกต่างอันน่ามหัศจรรย์ของสารอาหารที่มีอยู่ในน้ำลายนกถึง 80% คือ ไกลโคโปรตีน


9. อีกที ไกลโคโปรตีนคืออะไร
ไกลโคโปรตีนเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างของเนื้อเยื่อสำคัญในร่างกายมนุษย์ และเป็นส่วนที่สำคัญในเนื้อเยื่อและกระดูก ทำงานเสมือนตัวนำฮอร์โมนและไวตามิน หรือแร่ธาตุ และเสมือนสารหล่อลื่นของเซลล์ ตลอดจนอยู่ในกระบวนการต้านอนุมูลอิสระในระบบร่างกาย นักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบกระบวนการสำคัญดังกล่าวได้รับ รางวัลโนเบลด้านยากว่า 4 รางวัลในไม่กี่ปีที่ผ่านมา (2537,2542, 2543,2544) ทำให้มีความเข้าใจในระบบการทำงานของเซลล์โดยไกลโคโปรตีนมาจนทุกวันนี้

ไกลโคโปรตีนคือโมเลกุลซึ่งประกอบไปด้วยคาร์โบไฮเดรตจับตัวกับโปรตีน อุดมไปด้วยแร่ธาตุ และกรดอมิโนกว่า 19 ชนิด ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาและซ่อมแซมส่วนต่างๆของร่างกาย กว่า 80% ของรังนกประกอบไปด้วย สารไกลโคโปรตีนซึ่งสามารถละลายได้ในน้ำ ส่งผลให้เกิดการออกฤทธิ์ทางชีวภาพในระบบร่างกาย

ปัจจุบันนี้ได้มีการค้นพบส่วนประกอบของไกลโคโปรตีนในอาหารชนิดต่างๆและหนึ่งในนั้นคือน้ำลายจากนกนางแอ่นหรือรังนก ซึ่งเป็นส่วนประกอบมากถึง 80 % ของรังนกนั่นเอง

10. ไกลโคโปรตีนในรังนกทำอะไร
ระบบภูมิคุ้มกัน: Glycoproteins เป็นสารที่ละลายน้ำได้ มีบทบาทในกระตุ้นการแบ่งเซลล์เม็ดเลือดขาว (monocytes) ของระบบภูมิคุ้มกันซึ่งปกป้องร่างกายจากเชื้อโรคต่างๆ ช่วยให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง (Potentiate Mitogen, Y.C Kong ,1986) เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบต่างๆของร่างกาย

คุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ
นักวิจัยพบว่ารังนกมืสารต้านอนุมูลอิสระ จากกรดอะมิโนฟินอลลิก ซึ่งจะทำหน้าที่ปกป้องหรือชะลอการเสื่อมของเนื้อเยื่อหรือเซลล์ที่ได้รับจากอาหาร, มลพิษ และภาวะแวดล้อมจากการใช้ชีวิตเร่งรีบในปัจจุบัน อันส่งผลต่อระบบการทำงานของร่างกาย ก่อให้เกิดปัญหาโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดจากการเสื่อมของเนื้อเยื่อหรือเซลล์ได้

คุณสมบัติชะลอความชรา
สารไกลโคโปรตีนในรังนกมีบทบาทสำคัญการเสริมสร้างการทำงานหรือการชะลอความเสื่อมของเซลล์ นักวิจัยพบว่ารังนกมีสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพที่มีคุณสมบัติกระตุ้นการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อผิวหนัง (EGF) ช่วยฟื้นฟูคอลลาเจนและเอ็นที่เป็นส่วนโครงสร้างต่อเนื่องของเซลล์ไฟโบรบลาสท์ในชั้นผิวหนังแท้ (dermis)

รายงานจากทีมนักวิจัยในประเทศเกาหลี , ญี่ปุน, จีน, ฮ่องกง, มาเลเซีย, ไทย ได้เปิดเผยให้เราได้ทราบว่าสารจากรังนกช่วยในการกระตุ้นการทำงานในระดับเซลล์ในลักษณะ EGF มีการเสริมสร้างการทำงานของเซลล์ไฟโบรบลาสต์ซึ่งมีบทบามสำคัญในการเสริมสร้างคอลลาเจน ในชั้นผิวหนังแท้ (Kathan, Weeks 1969, N. Houdret 1975, M. Oda 1983. Ng 1986, Kong 1986 1987, T.H Lee 2005, Abidin 2011, N Mazukawa 2011, K.B.Roh 2011, ดร. ขวัญจิต 2014)

11. พรีมาเนสท์ คือแบรนด์ใหม่ในท้องตลาด?
แบรนด์ ‘พรีมาเนสท์’ คือแบรนด์ใหม่ในท้องตลาด อย่างไรก็ดี ทางครอบครัวของผู้สร้างแบรนด์ได้มีบ้านนก เพื่อให้นกได้เข้าในทำรังเป็นเวลาหลายสิบปีมาแล้ว และในวันนี้เราต้องการแนะนำ รังนกแท้บริสุทธิ์ระดับพรีเมี่ยมสู่ผู้บริโภคที่มองหารังนกคุณภาพ ด้วยแนวคิดที่ว่า ‘ เสมือนเราได้ปรุงเองที่บ้าน” ปรัชญาของแบรนด์ PrimaNest คือ การเผยแพร่รังนกแท้บริสุทธิ์ที่ถูกคัดสรรอย่างดี ผ่านขบวนการทำความสะอาดด้วยมือ ปราศจากสารเคมี และเป็นสินค้าคุณภาพส่งออก เป็น Product of Thailand ที่น่าภาคภูมิใจ



12. รังนกของ พรีมาเนสท์ มาจากที่ใด?
บริษัท พิธานไลฟ์ มีบ้านนกเป็นของตนเอง ซึ่งอาศัยอยู่ในภาคใต้ของไทย และเนื่องจากมีความต้องการในตลาดสูง เราจึงมีการคัดสรรรังนกบ้านอื่น ที่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ของไทยเช่นกัน โดยเราเน้นนโยบายการคัดสรรอย่างเข้มงวดโดยเลือกเฉพาะรังนกจากบ้านนกธรรมชาติเท่านั้น และยังได้ทำการตรวจสอบเอกลักษณ์โดยการส่งตรวจพิศูจน์กับกรมวิทยาศาสตร์บริการเพื่อให้ได้เฉพาะรังนกบ้านคุณภาพสูง เทียบเท่ากับมาตรฐานของเรา


13. รังนกของเราผ่านกระบวนการฟอกสีหรือไม่?
เรา ‘ไม่มี’ นโยบายการฟอกสีรังนกของเราโดยเด็ดขาด ซึ่งถือเป็นข้อปฏิบัติที่เราให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก การทำความสะอาดรังนกของเรานั้น ไม่มีขั้นตอนใดๆ ที่มีการใช้สารเคมีเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นการทำความสะอาดด้วยมือ 100% ในน้ำแร่ธรรมชาติ ซึ่งเป็นการ่ทำความสะอาดตามวิธีแบบดั้งเดิม

14. รังนก พรีมาเนสท์ ปลอดภัยสำหรับการบริโภคหรือไม่?
ผลิตภ้ณฑ์รังนกของเราผ่านกระบวนทางอุตสาหกรรมที่เน้นย้ำด้านคุณภาพการผลิตอย่างเข้มงวด เรายืนยันได้ว่าผลผลิตของเรา ไม่มีส่วนผสมของวัตถุกันเสีย ไม่มีสารเคมี ไม่ผสมสี มีระบบการควบคุมความสะอาดและความปลอดภัยด้านอาหารที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล สินค้าของเราได้รับมาตรฐานอุตสาหรรม อย. รวมทั้ง มาตรฐาน GMP, HACCP และ HALAL
15. จะเชื่อถือในคุณภาพของรังนก พรีมาเนสท์ ได้อย่างไร?
เรามีการทำR&D ภายใน มีการควบคุมคุณภาพ และการตรวจสอบอย่างเข้มงวดทุกขั้นตอนการผลิต มีทำงานใกล้ชิดกับผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ภายนอก เพื่อคุณภาพของรังนกที่ยืนยันได้ถึงความปลอดภัย ก่อนถึงมือผู้บริโภคทุกท่าน
16. รังนกดีต่อผู้บริโภคอย่างไร?
รังนกประกอบด้วย ไกลโคโปรตีน กรดอะมิโน 19 ชนิด และแร่ธาตุต่างๆ เช่น แคลเซียม, โพรแทสเซียม, ฟอสฟอรัส, คาร์โบไฮเดรต, ธาตุเหล็ก และ ไอโอดีน ซึ่งสารอาหารเหล่านี้ล้วนเป็นประโยชน์ต่อร่างกายทั้งสิ้น มีส่วนช่วยในเรื่องเมตาบอลิซึ่ม เนื้อเยื่อ และการเจริญเติบโตของเซลล์ รวมถึงให้พลังงานที่สำคัญ

ผู้เชี่ยวชาญได้วิจัยและสรุปผลว่า รังนก มีคุณสมบัติสำคัญ 3 ประการดังนี้

สามารถเสริมสร้างการเกิดใหม่ของเนื้อเยื่อและเซลล์
ช่วยพัฒนาระบบภูมิคุ้มกัน
มีส่วนช่วยให้ร่างการแข็งแรงและเร่งการฟื้นฟูจากการเจ็บป่วยได้
17. รังนกเหมาะแก่บคนกลุ่มใด?
แพทย์แผนโบราณของชาวจีนนั้นเชื่อว่ารังนกเป็นแหล่งอาหารธรรมชาติที่ล้ำค่าสำหรับสุขภาพ การบริโภคเป็นประจำมีผลดีเป็นที่ประจักษ์มาหลายร้อยปี ถือว่ารังนกคือ อาหารที่มีประโยชน์ เหมาะสมกับทุกเพศ ทุกวัย

ผู้หญิง: ผลจากการรับประทานเป็นประจำจะช่วยบำรุงผิวพรรณ ให้ดูเปล่งปลั่งและอ่อนเยาว์

หญิงตั้งครรภ์: การบริโภคระหว่างตั้งครรภ์จะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ทารกในครรภ์และตัวมารดาเอง รวมถึงช่วยเร่งการฟื้นตัวหลังการคลอดอีกด้วย สารเซียลิคในรังนกช่วยให้เรื่องการพัฒนาสองและสายตา
(หมายเหตุ: สำหรับหญิงตั้งครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนบริโภครังนก ความเหมาะสมของการบริโภค จะขึ้นอยู่กับร่างกายของแต่ละคน ดีที่สุดควรบริโภคหลังตั้งครรภ์ 5 เดือนขึ้นไป)

ผู้สูงอายุ: ช่วยละลายเสมหะ, เสริมสร้างให้ปอด ตับ และม้าม แข็งแรง รวมถึงกระตุ้นความต้องการด้านการรับประทานอาหาร ให้สามารถรับประทานอาหารอย่างเป็นระบบ

เด็ก: กระตุ้นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงจากการป่วยหรือเป็นไข้หวัด
(หมายเหตุ: ดีที่สุด ควรรับประทานเมื่อมีอายุตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป)

ผู้ชาย: พัฒนาการทำงานของไต ช่วยให้ปอดแข็งแรง ชะลอการอ่อนแรงของร่างกาย

ข้อควรรู้: รังนกไม่มีส่วนประกอบที่ทำให้เกิดการแพ้ ยกเว้นการแพ้จากส่วนประกอบอื่นๆ ของขั้นตอนการผลิตแล้วแต่ผู้ผลิตแต่ละราย


18. รังนกได้รับการพิสูจน์จากนักวิทยาศาสตร์ถึงคุณค่าทางโภชนาการหรือไม่?

อ่านเพิ่มเติม: http://www.hkfsta.com.hk/articles/special/article7.htm

มีการศึกษาและพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพในการบริโภครังนกมากมาย:

การคาดการณ์ถึงผลทดลองทางการแพทย์:
ตามที่มีการรายงานจากผลการวิจัยทางการแพทย์จาก The Hong Kong Polytechnic University พบว่าหนึ่งเซลล์ในรังนกแบ่งได้เป็น เอนไซม์ และ ฮอร์โมน ซึ่งมีความสามารถในการฟื้นฟูและเสริมสร้างในเซลล์มนุษย์ได้ โดยมี ไกลโคโปรตีน เป็นสารหลักที่ช่วยกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ได้อย่างดี ผลการทดลองได้จากการสังเกต ผู้ใหญ่ที่บริโภครังนก (ส่วนมากเป็นผู้หญิง), เด็ก, ผู้สูงอายุ และ คนป่วย

ข้อสรุปสำคัญจากมุมมองของวงการการแพทย์ของจีน

ข้อมูลดังต่อไปนี้คือรายการการสรุป สรรพคุณของรังนก โดยกลุ่มผู้ทดลอง TCM (Traditional Chinese Medicine)

  1. กระตุ้นการเกิดใหม่ของเซลล์และเนื้อเยื่อ (การเติบโตของเนื่อเยื่อชั้นนอก)
  2. เสริมสร้างระบบภูมิคุ้นกันในร่างกาย ตลอดจนมีส่วนช่วยในเรื่องการแบ่งเซลล์
  3. เสริมสร้างระบบการทำงานของร่างกายให้แข็งแรงอย่างมีประสิทธิภาพ และต่อต้านเชื้อโรคร้าย
  4. บำรุงระบบการทำงานของหัวใจและระบบความดันเลือด
  5. อุดมด้วยแอนตี้ออซิไดซ์ ช่วยป้องกันสาเหตุของการเกิดมะเร็ง
  6. มีส่วนช่วยด้านการเติบโตและเสริมสร้างเซลล์
  7. มีส่วนช่วยในการบำรุงฟื้นฟูร่างกายสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง
  8. ช่วยในการไหลเวียนเลือดได้เป็นอย่างดี
  9. ช่วยพัฒนาและบำรุงสภาพผิว
  10. ลดความเหนื่อยล้าของร่างกาย
19. ฉันควรบริโภครังนกบ่อยเพียงใด? ฉันสามารถบริโภคในปริมาณมากได้หรือไม่?

เราสามารถรับประทานรังนกได้ทุกวัน โดยอัตราเฉลี่ยต่อคนสามารถบริโภครังนกในปริมาณ 3-5 กรัม ของรังนกแห้ง หากบริโภคจำนวนมากกว่านี้ ร่างกายจะขับส่วนที่เหลือออกมาตามธรรมชาติ

20. เวลาใดที่เหมาะสมที่สุดในการบริโภครังนก?

เวลาที่ดีที่สุดคือ การบริโภครังนกหนึ่งช้อนชาในช่วงเช้า ในขณะที่ร่างกายเพิ่งตื่นตัวและท้องว่าง ซึ่งจะช่วยให้ได้รับสารอาหารจากรังนกอย่างเต็มที่ อีกช่วงเวลาที่เหมาะแก่การรับประทานคือก่อนนอน เนื่องจากรังนกอุดมไปด้วยแอนตีออกซิแดนท์ ที่มีส่วนช่วยให้ร่างกายสามารถขจัดสารอนุมูสอิสระ และช่วยฟื้นฟูระแบบการทำงานในขณะที่เรานอนหลับได้อย่างเต็มที่

21. EGF (Epidermal Growth Factor) คืออะไร

สารชะลอความชรา (Epidermal Growth Factor : EGF) หรือยีนความสวยงาม (Beauty gene) EGF ในคน (HEGF) ค้นพบในปี พ.ศ.2499 โดย ศ.ดร.สแตนลีย์ โคเฮน (Stanley Cohen) และต่อมา ศ.ดร.กงและคณะ ค้นพบว่าในรังนกมี EGF เป็นสารมหัศจรรย์ที่ช่วยบำรุงผิว ให้นุ่มเนียน ชุ่มชื้น ผิวพรรณผ่องใส เสริมสร้างความงามให้กับใบหน้า ลบริ้วรอยบนใบหน้า ทำให้เป็นหนุ่มสาวขึ้น ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย เอาชนะความแก่ได้ ต่อต้านความชรา ช่วยให้อายุยืน

EGF เป็นฮอร์โมนที่ถูกสร้างขึ้น โดยต่อม salivary and Brunner gland ซึ่งอยู่ในระบบทางเดินอาหาร EGF เป็นโปรตีนขนาด 6,000 Da (ดาลตัน) มีบทบาทสำคัญในขบวนการของเซลล์ ได้แก่ proliferations, differentiation และ development ปกติร่างกายของคนเราจะสร้าง EGF ได้เอง และจะสร้างลดลง เมื่ออายุมากขึ้น จนกระทั่งหยุดสร้าง EGF ที่มีในรังนก จะมีองค์ประกอบเหมือนกับที่มีอยู่ในคนมากที่สุด

22. ลองอ่านรายงานวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับรังนกและ EGF

จากการทดลองของ ศ.ดร.กงและคณะ (1987) พ.ศ.2530 พบว่าสารสกัดรังนก ที่สกัดด้วยน้ำร้อน มีคุณสมบัติสามารถกระตุ้นการสังเคราะห์ DNA ของเซลล์ 3T3 ไฟโปรบลาสท์ (3T3 fibroblast) และกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์ไฟโปรบลาสท์ แสดงว่าสารสกัดจากรังนก มีคุณสมบัติ สามารถกระตุ้นการเจริญเติบโตของเซลล์และเนื้อเยื่อผิวหนังได้ สารสกัดรังนกจึงมีคุณสมบัติเป็น EGF

KIM และคณะ ได้พิสูจน์ว่า รังนกสามารถชะลอความแก่ได้ โดยเกี่ยวข้องกับการยับยั้ง MMP -1 expression via down – regulation of ERK /INK and AP -1 pathway

Kyung – Baeg Roh และคณะ (2012) เกาหลี รายงานว่า สารสกัดรังนก มีความสามารถในการกระตุ้นการเพิ่มจำนวนเซลล์ ต้นกำเนิด (Stem cell) ของมนุษย์ได้อย่างมาก : ในร่างกายคน เซลล์ human adipose stoma cells , Vascular endothelial growth factor (VEGF) และ Cytokines เช่น interleukin – 6 (IL – 6) สารดังกล่าวมีบทบาทสำคัญในการสื่อสารระหว่างเซลล์,ควบคุมการทำงานของเซลล์ เช่น การเจริญเติบโต,การพัฒนาของเซลล์,และการต่อต้านความเสื่อมของเซลล์ และเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

23. อีกที EGF ทำอะไรในร่างกายคนเราskincare?

EGF คือสารที่เป็นองค์ประกอบของเซลล์มนุษย์ ซึ่งร่างกายสามารถสร้างได้เอง และจะสร้างลดลงเมื่ออายุมากขึ้น

EGF มีหน้าที่กระตุ้นการทำงานเซลล์, การแบ่งเซลล์, การพัฒนาของเซลล์ ทำให้ร่างกายสามารสร้างเซลล์ใหม่ๆ ได้เรื่อยๆ

EGF เกี่ยวข้องกับการสร้างเซลล์และเนื้อเยื่อผิวหนัง ซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิวหนังที่ชำรุด โดยกระตุ้นให้เกิดการสร้างผิวหนังใหม่

EGF สามารถป้องกันการเกิดริ้วรอย และลบความเหี่ยวย่น (ชะลอความแก่) เสริมสร้างความงามของผิวหน้า

EGF กระตุ้นการซ่อมแซมและรักษาบาดแผลของผิวหนัง เร่งประสานแผลจากการผ่าตัด

24. ความแตกต่างระหว่างเครื่องสำอางทั่วไป กับเครื่องสำอางรังนก

เครื่องสำอางทั่วไปจะอำพรางริ้วรอยของผิวพรรณ หรือเพียงแค่เติมสารอาหารและความชุ่มชื้นให้แก่ผิวหนังแต่เพียงภายนอกเท่านั้น ไม่สามารถป้องกันความชราของผิวที่จะเกิดขึ้นได้ แต่เครื่องสำอางรังนกที่มีกรดเซียลิก และ EGF จะช่วยกระตุ้นการทำงานของเซลล์จากภายใน ทำให้ผิวหนังมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น โดย EGF จะเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างเซลล์ผิวใหม่อย่างต่อเนื่อง ป้องกันการเกิดริ้วรอย และทำให้ริ้วรอย , สิว, สิวเสี้ยน,กระ, ฝ้า จางลง ทำให้ผิวขาวใสกระจ่างขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น, รูขุมขนเล็กลง ลดริ้วรอยที่เกิดจากวัยชราได้มากขึ้น

25. ทำไมผลิตภัณฑ์บำรุงผิวรังนกพรีมาเนสท์ จึงพิเศษกว่าครีมรังนกอื่นๆ

ปัจจุบันมีครีมรังนกในท้องตลาดมากมาย หากแต่บริษัทพิธานไลฟ์มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านรังนกเพื่อสุขภาพและความงาม เราจึงตั้งมั่นในการเป็นผลิตภัณฑ์รังนกที่ไม่มีการใช้สารเคมี 100% ตั้งแต่ต้นทางวัตถุดิบ รังนกที่สกัดมาใช้ในผลิตภัณฑ์บำรุงผิวของพรีมาเนสท์ก็ใช้กรรมวิธีสกัดที่ปราศจากสารเคมี 100%เช่นกัน (อยู่ระหว่างการขอจดลิขสิทธิ์) ทั้งนี้ให้คงไว้ซึ่งคุณสมบัติอันมหัศจรรย์ของรังนกไว้ได้อย่างเต็มเปี่ยม โดยได้มีการนำรังนกสกัดของบริษัทไปทดลองเลี้ยงเซลล์ไฟโบรบลาสท์ในห้องทดลองวิทยาศาสตร์ (in vitro) เพื่อให้มั่นใจในกรรมวิธีการสกัด และเมื่อได้พัฒนาครีมบำรุงผิวพรีมาเนสท์ได้แล้ว ทางบริษัทพิธานไลฟ์ยังได้นำครีมรังนก EGF PrimaNest ไปทำการทดลองคุณสมบัติในการลดริ้วรอย และคุณสมบัติในการรักษาความชุ่มชื้นกับบริษัทวิจัยอิสระที่ใหญ่ที่สุดในประเทศฝรั่งเศส Dermscan Group (France) กับกลุ่มทดลองเอเซียชาวจำนวน 35 คนอีกด้วย (in vivo) ทั้งนี้เป็นไปตามปณิธานของบริษัทพิธานไลฟ์ที่ต้องการเป็นผู้เชี่ยวชาญในปรากฎการณ์ EGF จากรังนกแบบธรรมชาติ

26. พรีมาเนทส์ มหัศจรรย์รังนกแท้

พรีมาเนสท์ ผลิตภัณฑ์บํารุงผิวผสมสารสกัดรังนกแท้เข้มข้น คุณภาพระดับสากล ได้รับการรับรองประสิทธิภาพ โดยบริษัทวิจัยอิสระชั้นนำจากฝรั่งเศส Dermscan Group  พิสูจน์คุณค่าโดยวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ช่วยฟื้นฟูความกระชับและคืนความสดใสให้กับผิว เนื่องจากรังนกมีปริมาณไกลโคโปรตีนสูง อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ รังนกจึงไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายเท่านั้น  แต่ยังมีผลช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมาอ่อนเยาว์

ไกลโคโปรตีนในรังนกอุดมไปด้วย EGF ซึ่งช่วยต่อต้านริ้วรอยของผิว  (Epidermal Growth Factor อันเป็นฮอร์โมนสำคัญในระบบเซลล์ของร่างกายมนุษย์ซึ่งจะสร้างขึ้นได้เอง และลดลงจนหยุดสร้างเมื่ออายุมากขึ้น) นอกจากนี้รังนกยังประกอบไปด้วยกรดเซียลิค และกรดอะมิโนอื่นๆอีกถึง 19 ชนิดที่จำเป็นต่อการซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และผิวที่เสื่อมสภาพ

ไกลโคโปรตีนทำหน้าที่ช่วยเพิ่มการสร้างเซลล์และกระตุ้นการซ่อมแซมเนื้อเยื่อผิวอย่างเป็นธรรมชาติ พร้อมป้องกันการเกิดสิว ผดผื่น ฝ้า กระจุดด่างดำ และสิวอุดตัน  ช่วยให้ผิวหมองคล้ำกลับมามีสุขภาพดี คงความอ่อนนุ่มของผิว กระชับรูขุมขนและลดเลือนริ้วรอย ในขณะที่เครื่องสำอางทั่วไปอาจเป็นการเพิ่มสารอาหารหรือให้ความชุ่มชื้นแค่ผิวภายนอก แต่สำหรับผลิตภัณฑ์ PrimaNest เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวจากสารสกัดรังนกแท้จึงช่วยฟื้นฟูจากภายในเซลล์ผิวได้โดยตรง

เนื่องจากคุณสมบัติพิเศษของ EGF เป็นที่รู้จักกันดี จึงมีการพยายามสกัด EGF จากพืชหลายชนิดเพื่อนำมาใช้เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวชั้นเยี่ยม โดยไม่ทราบว่า EGF มีมากมายในรังนกที่ใช้กิน สามารถสกัดมาได้โดยวิธีธรรมชาติ และเชื่อว่า EGF ที่พบในรังนกนั้นมีคุณสมบัติและลักษณะโครงสร้างที่ใกล้เคียงกับร่างกายมนุษย์มากกว่าจากพืชจึงทำให้มีประสิทธิภาพดี

รังนกในผลิตภัณฑ์ PrimaNest ถูกสกัดอย่างระมัดระวังโดยไม่มีการใช้สารเคมีใด ๆ แต่สิ่งสำคัญที่สุด คือการใส่ใจในความปลอดภัยของทั้งผู้บริโภคและของนกแอ่นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของเรา

starstar-emptychevron-down